สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ 8จังหวัดยังหนัก เครือข่ายการจัดการภัยพิบัติจากธรรมชาติ สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. ชูบทเรียนเร่งชุมชนจัดการตัวเองตั้งศูนย์ภัยพิบัติชุมชน
สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ระหว่างวันที่ 5-6 ธันวาคมนี้ ยังท่วมหนักใน 8 จังหวัด สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง ปัตตานี ยะลา สุราษฏร์ธานี นราธิวาส ตรัง สตูล
โดยในส่วนจังหวัด นครศรีธรรมราช โกเมศร์ทองบุญชู ผู้ประสานงานเครือข่ายการจัดการภัยพิบัติจากธรรมชาติ สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังหนักในหลายพื้นที่ โดยที่ จังหวัดนครศรีธรรมราชเองระดับน้ำปีนี้น่าจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกับปี 2548 เนื่องจากระดับน้ำที่ทะเลสาปสงขลาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ระดับน้ำที่เกาะยอยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอยากให้ ชุมชนสรุปบทเรียน
ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปตลอด ปัญหาภัยพิบัติก็เพิ่มมากขึ้นล้วนเกิดจากฝีมือของคนทั้งหมด เพราะฉะนั้นคงเรียกร้องให้ใครช่วยเหลือมากไม่ได้นอกจากสร้างสำนึกของตัวเองและชุมชนช่วยเหลือตัวเอง
โกเมศร์ บอกว่า บทเรียนของการเผชิญน้ำท่วมในปี 2548 และอีกหลายครั้งทำให้ตระหนักรับรู้ถึง การอนุรักษ์และการเรียนรู้ธรรมชาติ โดยเฉพาะการพึ่งพาตัวเองของชุมชนทั้งในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการสร้างแผนรับมือภัยพิบัติในชุมชนของตัวเอง
“ผมตระหนักจากบทเรียนน้ำท่วมครั้งใหญ่หลายครั้งว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ การช่วยเหลือตัวเองของชุมชนเพราะกว่าจะท้องถิ่นเท่านั้นที่จะช่วยได้ดีที่สุดผมคิดว่าทุกชุมชน ทุกตำบลต้องมีแผนรับมือภัยพิบัติเพราะว่าธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปมาก”
หลังได้สรุปบทเรียน โกเมศร์ ได้ผลักดันให้ชุมชนมีแผนรับมือภัยพิบัติและตระหนักถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงเป็นเรื่องจำเป็น โดย ชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เริ่มเป็น นครศรีธรรมราชโมเดล จัดทำแผนพัฒนารับมือภัยพิบัติในชุมชน และผลักดันให้เกิดการจัดตั้งศูนย์จัดการภัยพิบัติในระดับตำบลได้สำเร็จ
ปัจจุบันจังหวัดนครศรีธรรมราช สามารถผลักดันจัดตั้งศูนย์จัดการภัยพิบัติในระดับตำบลได้มากถึง 30 ตำบล และสร้างอาสาสมัครในการดูแลภัยพิบัติได้มากกว่า 500 ถึงเกือบ 600 คน
โกเมศร์ บอกว่า สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นสำหรับชุมชนทั่วประเทศคือการสร้างแผนรับมือภัยพิบัติสิ่งแวดล้อม เพราะที่ผ่านมาการผลักดันของชุมชนใน จังหวัดนครศรีธรรมชาติที่ได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ถือว่ามีความสำเร็จมาก เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดให้เป็นนโยบายที่จะสร้างให้เกิดขึ้นในทุกชุมชนโดยกำหนดให้มีศูนย์จัดการภัยพิบัติชุมชน