เทศบาลธาตุทอง ด่านหน้าที่พึ่งปชช. รับคนกลับบ้าน เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด

เทศบาลตำบลธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งเป็นพื้นที่ต้อนรับการกลับมาของญาติพี่น้องที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯภายหลังรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง และจังหวัดชัยภูมิถือเป็นจังหวัดแรกที่ประกาศเดินทางไปรับคนในจังหวัดกลับบ้าน

นายยุทธศาสตร์ วัชรธนาคม นายกองค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาลตำบลธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ระบุว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมากโดยเฉพาะพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ซึ่งต่างต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา ทางพื้นที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ

นายยุทธศาสตร์ ระบุว่า เราดำเนินการเป็นได้มีการเปิดศูนย์ประสานงานเครือข่ายเฉพาะประเด็นการควบคุมโรคติดต่อ โดยชุมชนท้องถิ่น สนับสนุนโดย สสส.สำนัก ๓ เมื่อเกิดสถานการณ์ต้องรับมือกับการระบาดระลอกที่ 4  จึงได้เปิด ศูนย์ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 เทศบาลตำบลธาตุทอง โดยจะมีขั้นตอนการปฎิบัติในการรับผู้ป่วย คือ ขั้นตอนที่ 11.เมื่อมีผู้ป่วยประสงค์จะกลับภูมิลำเนา ให้ผู้ป่วยติดต่อทางเทศบาลธาตุทอง อสม .หรือ รพ.สต. ซึ่งเทศบาลตำบลธาตุทอง จะจัดเตรียมพนักงาน และอุปกรณ์ โดยมี รถEMS ชุด PPE เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย และอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อไปรับผู้ป่วยยังสถานที่ ที่ผู้ป่วยแจ้งไว้

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อรับผู้ป่วยมาถึงจะส่งตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลภูเขียวเฉลิมพระเกียรติ เพื่อทำการรักษา และขั้นตอนที่ 3 จัดทำความสะอาด รถEMS และเตรียมความพร้อมพนักงานเพื่อรอรับเคสต่อไป ส่วนในขั้นตอนที่ 4 หลังจากรักษา ได้รับการยืนยันว่าผู้ป่วยหาย จะต้องกักตัวอีก 14 วัน ณ ศูนย์พักพิงจิตใจเราไม่ทิ้งกัน ในพื้นที่เทศบาลตำบลธาตุทอง

นายยุทธศาสตร์ เปิดเผยเพิ่มเติม ว่า ในพื้นที่ตำบลธาตุทองส่วนใหญ่ ผู้ป่วยจะอยู่ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปรับพี่น้องชาวบ้านกลับมา 3 รอบแล้ว โดยปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ไม่แวะพักที่ใด ระหว่างเดินทางกลับ สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสูงทั้ง 10 จังหวัด ก็จะปฎิบัติตามขั้นตอนเบื้องต้น นั่นคือ คัดกรองตรวจหาเชื้อ หากมีการติดเชื้อก็จะส่งไปยัง รพ.ภูเขียว ส่วนกลุ่มเสี่ยงก็เข้าสู่กระบวนการกักตัว โดยทางเทศบาลจะดำเนินการดูแล ร่วมกับ หน่วยงานต่างๆ เช่น รพ.สต. อสม. ตามระบบการติดตาม ทั้งวัดไข้ ให้คำปรึกษา และจะมีการตรวจโควิด-19 ทุก 7 วัน โดยกลุ่มที่กลับมาล่าสุดประมาณ 5 คนที่ไม่ติดเชื้อก็แยกไปกักตัวที่เถียงนาของครอบครัว ซึ่งเราก็ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด

นายกเทศมนตรีตำบลธาตุทอง ระบุด้วยว่า ในพื้นที่มีการทำงานประสานกันอย่างต่อเนื่องในเครือข่าย4 องค์กรหลัก(ท้องถิ่น ท้องที่ หน่วยงานและองค์กรชุมชน) โดยใช้กรุ๊ปไลน์ อัปเดทสถานการณ์ข้อมูล ภายหลังจากที่ทางนโยบายจังหวัดได้มีการประกาศไปรับประชาชนในพื้นที่ จังหวัดชัยภูมิกลับบ้าน ซึ่งการเข้ามาในพื้นที่จะต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า มายังเทศบาล และจะมีการแจ้งข่าวสารผ่านเครือข่าย 4 องค์กรหลัก เตรียมความพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่คนที่กลับมาจะสมัครใจไปกักตัวที่เถียงนาบ้านของเขาเอง ในกรณีที่ตรวจแล้วไม่พบโควิด-19

“ กระบวนการของเราก็เป็นไปตามระบบในการตรวจเยี่ยม ติดตาม ทั้ง รพ.สต. อสม. ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเมื่อครบ14วันไม่พบโควิด ถึงจะกลับบ้านได้ หากพบว่าติดโควิด ก็จะเข้าสู่ระบบการนำส่ง รพ. โดยจะแจ้งไปยัง รพ.ภูเขียว เพื่อมารับไปรักษาตัว ที่รพ.จนกว่าจะหายดี และกลับมาก็เข้าสู่กระบวนการกักตัวอีกรอบ ที่ศูนย์ฯของเรา ก็จะมีถุงยังชีพ มีการดูแลทางด้านสุขภาพจิต ก่อนที่จะกลับไปหาครอบครัว ระบบก็จะดำเนินไปอย่างนี้ โดยจะมีทีมเทศบาลเป็นหน่วยสนับสนุน ทั้งงบประมาณ อุปกรณ์ รวมถึงเราดูแลด้านสุขภาพด้วย ในส่วนของอาหารการกินนั้น ส่วนใหญ่แทบจะไม่มีปัญหา เพราะญาติพี่น้องได้ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ แต่หากกรณีใดที่ไม่มีใครจัดการ ก็จะได้รับการดูแลไม่ได้ทิ้งกัน ”

ทั้งนี้เทศบาลตำบลธาตุทอง ได้เปิดศูนย์พักพิงจิตใจเราไม่ทิ้งกัน เพื่อพักคอยระหว่างรอเตียงว่างจากโรงพยาบาล ซึ่งรองรับได้ประมาณ 10 เตียง และเป็นจุดพักรอที่มีการดูแลตามระบบมาตรฐานสาธารณสุข โดยมี รพ.สต. เป็นผู้ดูแลหลัก ขณะที่เทศบาลเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ

“ชาวบ้านรู้สึกขอบคุณที่ชวยเหลือพวกเขา ไม่ทอดทิ้งพวกเขา ในยามลำบาก และเรามั่นใจว่าสามารถดูแลรองรับพี่น้องที่กลับมาได้ ตามระบบที่เราได้วางไว้ ทำให้ชาวบ้านเบาใจ เพราะทุกคนก็อยากให้ลูกหลานกลับบ้านในยามที่เขาเดือดร้อน”

นายกเทศบาลตำบลธาตุทองได้กล่าวทิ้งท้าย ถึงมาตรการรับมือการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ว่า มีการเฝ้าระวัง ป้องกัน อย่างเข้มข้น ให้เป็นไปตามมาตรการของสาธารณสุข เช่น ในตลาด ได้จัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ บริเวณทางเข้า ออก พร้อมทั้งรณรงค์ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่ออเนื่อง ผ่านทุกช่องทางการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็น Facebook website ตลอดจนใช้หอกระจายข่าว รถแห่ประชาสัมพันธ์ ลงไปทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

#เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่
#ชุมชนเข้มแข็ง
#สสส
#ชุมชนท้องถิ่น รู้รับ ปรับตัว