พื้นที่ตำบลคอรุม อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่มีการวางระบบรองรับการเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยเฉพาะการเปิดจุดกักตัวที่เกิดจากข้อตกลงของแต่ละหมู่บ้านร่วมกัน เพื่อรองรับและป้องกันการแพร่ระบาด โควิด-19 พร้อมกับอำนวยความสะดวกแก่คนในพื้นที่ที่เดินทางกลับมาให้ได้มากที่สุด
นายผจญ พูลด้วง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคอรุม อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ว่า ขณะนี้มีผู้แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับมาในพื้นที่เรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่เป็นพี่น้องที่ไปใช้แรงงานที่กรุงเทพฯ โดยได้กำหนดมาตรการให้ผู้ที่จะกลับมาต้องแจ้งล่วงหน้ากับ อบต.หรือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ตัวเองอย่างน้อย 3 วัน เพื่อการเตรียมความพร้อมและอำนวยความสะดวกในการการดูแล
“ที่สำคัญคือ คนที่มาจากพื้นที่เสี่ยง 13 จังหวัดสีแดง จะต้องกักตัวทุกคน ส่วนคนที่อยู่นอกเหนือจากจังหวัดเหล่านั้น หากประสงค์จะกักตัวที่บ้าน เราจะมีการตรวจสอบดูว่าเขาประกอบอาชีพอะไร มีการตรวจเช็กไทม์ไลน์ของเขาอย่างชัดเจนว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงหรือไม่ หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง ก็ต้องกักตัวตามมาตรการในการเข้ามาพื้นที่เช่นกัน จะไม่อนุญาตให้กักตัวที่บ้านเด็ดขาด”
นายผจญ กล่าวถึงการเลือกใช้สถานที่กักตัวของชุมชน หรือ Local Quarantine (LQ) ว่า ในช่วงแรกให้แต่ละหมู่บ้านดำเนินการเอง แต่เมื่อมีคนเดินทางมากักตัวมากขึ้นทำให้ยากต่อการจัดการ ปัจจุบันจึงเหลือ LQ อยู่ในตำบลคอรุม 5 แห่ง ซึ่งช่วยทุ่นกำลังในการบริหารจัดการ อีกทั้งผู้ที่ต้องกักตัวสามารถเลือกได้ว่าจะไปกักตัวจุดไหนที่สะดวกที่สุด ถือเป็นการอำนวยความสะดวก ให้ทั้งคนในพื้นที่และคนที่เข้ามากักตัว
ทั้งนี้สถานที่กักตัวผู้ที่เดินทางข้ามจังหวัด ในพื้นที่ 5 จุด ประกอบด้วย 1.วัดป่าแต้ว รับประชาชนหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 9 จำนวน 10 คน, 2.วัดบางนา หมู่ที่ 12 รับประชาชน หมู่ที่ 7 หมู่ที่ 12 จำนวน 10 คน, 3.วัดคลองกล้วย รับประชาชนหมู่ที่ 8 ,10,11 จำนวน 10 คน , 4.อาคารเอนกประสงค์หมู่ 5 รับประชาชนหมู่ 5 จำนวน 10 คน และจุดที่ 5 . วัดขวางชัยภูมิ รับประชาชน หมู่ 1,2,3,6 จำนวน 10 คน
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคอรุม ระบุถึงระบบการทำงานในศูนย์ LQ ว่า อบต.จะทำหน้าที่ดูแล เรื่อง ค่าจ้างเหมาทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อ LQ กรณีมีผู้กักตัวติดเชื้อ ค่าวัสดุอุปกรณ์ทำความสะอาด LQ ชุดป้องกันต่างๆ เช่น ชุด PPE, รองเท้าบู๊ท, แว่นตา ฯลฯ และค่าอาหารสำหรับผู้กักตัว 3 มื้อ ค่าอาหาร อสม.ที่มาอยู่เวรกลางวันและค่าตอบแทนอปพร.อยู่เวรกลางคืน และมอบถุงยังชีพให้ผู้มากักตัวที่บ้าน HQ ส่วน รพ.สต.และ อสม.แต่ละหมู่บ้าน ก็จะเข้ามาดูแลเรื่องการตรวจวัดไข้ เฝ้าระวัง ขณะที่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อปพร.จะเป็นทีมดูแลเฝ้าเวรยาม นอกจากนี้ อบต.จะมีรถรับส่ง คอยบริการสำหรับผู้กักตัว หากพบว่ามีอาการ ก็จะนำส่งไปยัง รพ.พิชัย ซึ่งที่ผ่านมาส่งผู้ติดเชื้อโควิด 19 ไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลประมาณ 10 กว่าราย ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการก็จะได้รับการตรวจหาเชื้อ 2 ระยะด้วยกัน คือ ตรวจทุก 7 วัน หากไม่ติดเชื้อก็สามารถกลับบ้านได้
ขณะเดียวกันนายผจญ ได้เปิดเผยถึงการตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ เพื่อรองรับกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวว่า ได้ระดมกำลังทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยกันจัดการใน รพ.สนามวัดขวางชัยภูมิ อย่างเต็มที่ โดยเตรียมการร่วมกัน ทั้งเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม.ทุกตำบล ในอำเภอพิชัย มาช่วยกันทำความสะอาดโรงพยาบาลสนาม รวมทั้ง ผอ.กองช่าง อบต.คอรุม นำหินคลุกมาปูที่หน้าวัดขวางชัยภูมิ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่รถรับ ส่ง ผู้ป่วย
“ ล่าสุดได้มีการเตรียมการเปิดโรงพยาบาลสนามอำเภอพิชัย แห่งที่ 4 ตั้งอยู่ ณ วัดขวางชัยภูมิ สามารถรองรับ ได้ 100 เตียง โดยจะรับผู้ป่วยจาก รพ.ที่อาการดีแล้ว มาพักรักษาตัวต่อ ช่วยให้ รพ.จังหวัด มีเตียงคอยรองรับผู้ป่วยที่มีอาการวิกฤต จุดประสงค์ของเราคือ เมื่อโรงพยาบาลหลัก คนไข้ล้น ก็ต้องทำโรงพยาบาลสนาม สำหรับรักษาคนบ้านเรา ซึ่งเราหวังว่าคนพิชัย จะมีเตียงรักษาโดยไม่นอนรอเตียงจนตายข้างถนน”
สำหรับการดูแลระบบใน รพ.สนามวัดขวางชัยภูมินั้น นายผจญ เปิดเผยว่า จะมีแพทย์คอยควบคุม ขณะที่ รพ.สต. อสม.จะทำงานในการดูแลผู้ป่วยภายใต้การดูแลของแพทย์ ส่วน อบต.จะรับผิดชอบในการดูแลสถานที่ ทีมอปพร. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีหน้าที่ดูแลเฝ้าระวัง โดยมีเวรยามที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตามนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคอรุม ได้ประเมินว่า พื้นที่ยังสามารถรองรับกลุ่มประชาชนที่ประสงค์จะเดินทางกลับเข้ามาได้อย่างต่อเนื่องตามมาตรการที่วางไว้ ซึ่งหมุนเวียนกันไปในวงรอบ14 วัน ขณะเดียวกัน หัวใจสำคัญในการทำงานต้องสื่อสารข้อมูลถึงกันและกัน เพื่อกระจายข้อมูลข่าวสาร นโยบาย มาตรการต่างๆ ให้ภาคีเครือข่าย 4 องค์กรหลัก ได้รับรู้ข้อมูลเท่าทันกัน เพื่อนำมาสู่การร่วมกันทำงานดูแลพี่น้องประชาชนให้ไปในทิศทางเดียวกัน .
#เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่
#ชุมชนเข้มแข็ง
#สสส
#ชุมชนท้องถิ่น รู้รับ ปรับตัว