ย้อนกลับไปเมื่อปี 2553 มีพนักงานที่เทศบาลตำบลรือเสาะคนหนึ่งเสียชีวิต ด้วยความที่เขาเป็นคนต่างถิ่น ไม่มีญาติพี่น้อง วรรณวิภา สงสว่าง พนักงานทำความสะอาด เทศบาลตำบลรือเสาะ จึงร่วมกับเพื่อนทั้งสิ้น 10 คน รับอาสาดูแลงานศพให้ ทั้งทำอาหาร เลี้ยงพระ เลี้ยงแขก ดูแลแขกเหรื่อ ล้างจาน
จากงานแรกก็เลยเริ่มขยายไปสู่งานต่อไป โดยเฉพาะคนที่เสียชีวิตเพราะสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ พวกเธอเต็มใจเข้าไปช่วย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
“ส่วนใหญ่เราช่วยกลุ่มไทยพุทธเป็นหลัก ส่วนคนที่นับถืออิสลาม เราเข้าไปยุ่งไม่ได้ ที่ผ่านมาเราไปทุกงาน ทั้งงานบวช งานผ้าป่า งานแต่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นงานศพ ส่วนใหญ่รู้จักกันแบบปากต่อปาก ติดต่อมาที่เทศบาลตำบล” วรรณวิภาว่า
ถ้าเป็นศพไร้ญาติ กลุ่มแม่บ้านจะลงขันกันออกเงิน ซื้อวัตถุดิบทำอาหารใส่ปิ่นโต คนหนึ่งทำมาอย่างหนึ่ง สิบคนก็สิบอย่าง โดยกลุ่มมีจุดประสงค์เพื่อทำบุญเลี้ยงพระและทำบุญให้ผู้ตาย ซึ่งงานแบบนี้ทางวัดจะเป็นเจ้าภาพให้ ส่วนใหญ่จัด 3 วัน
ส่วนงานอื่นๆ กลุ่มก็ไม่เคยปฏิเสธหากต้องการความช่วยเหลือ โดยเฉพาะงานแต่งงาน งานบวช งานกฐิน การไปช่วยนี้ยังคงเป็นเรื่องของน้ำใจล้วนๆ ไม่มีการเรียกร้องเงินทองเด็ดขาด ส่วนใหญ่เจ้าภาพจะให้สินน้ำใจเป็นของชำร่วย ผ้าขนหนู หรือเงินทองเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งพอได้มาก็จะเก็บเข้ากลุ่มเพื่อไปใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศล เช่น เป็นทุนซื้อเตาแก๊ส หม้อถุงข้าว เขียง กะละมัง
“ส่วนใหญ่เจ้าภาพจะโทรขอ คือเราจะเสนอตัวไม่ได้ เพราะมีแม่ครัวรับจ้างด้วย ถ้าเราเสนอตัวก็เหมือนแย่งอาชีพเขา แต่ถ้ามีโทรมาแล้ว ไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ จะไม่ปฏิเสธ เพราะถือเป็นการช่วยเหลือกัน และถ้าอยู่ในเวลาราชการ ก็ต้องขออนุญาตนายกฯ ก่อน เพราะว่างานหลักจะเสียไม่ได้ ใครเสร็จงานเร็วไปก่อน ใครเสร็จทีหลังตามมา” ประภา กลิ่นแย้ม เหรัญญิกกลุ่มขยายความ
ถ้าวันไหนมีหลายงานมาขอให้ช่วย ทางกลุ่มใช้วิธีจัดสรรกำลังพล เวียนตามกันไปสมทบแล้วแต่การจัดการ โดยงานส่วนใหญ่อยู่ในเขตเทศบาลเป็นหลัก แต่ก็มีที่ต้องออกนอกพื้นที่ ซึ่งพวกเธอจะรีบไปตั้งแต่เช้า และต้องกลับก่อนพลบค่ำ
นอกจากงานบุญที่พวกเธอยกทีมไปช่วยแล้ว สมาชิกส่วนหนึ่งยังเป็นผู้นำเต้นแอโรบิกที่บริเวณลานอเนกประสงค์ หน้าสถานีรถไฟอีกด้วย กิจกรรมนี้เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 เพราะแต่ก่อนจะมีกลุ่มเต้นอยู่ที่วัดราษฎร์สโมสร แต่เนื่องด้วยระยะทางที่ไกลพอสมควร จึงมาตั้งอีกกลุ่มที่นี่
นอกจากความสุขที่ได้มีส่วนช่วยเหลือผู้คนแล้ว เรื่องราวดีๆ แบบนี้ยังเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดจิตสาธารณะในพื้นที่
“สิ่งที่ทำนั้นไม่เหนื่อย ไม่ยุ่ง ทำแล้วสนุก เป็นความสุขใจ เวลาเดินไปไหนก็มีแต่คนทัก มีคนรู้จัก ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยรู้จักกันเลย กลายเป็นว่าได้เพื่อนเพิ่มมาด้วย” ประธานกลุ่มกล่าวทิ้งท้าย…