วิธีขับเคลื่อนนโยบายลดการตาย จากอุบัติเหตุบนถนนปีละ ๒๐,๐๐๐ คน

 

          “หมอกระต่าย” ไม่ใช่คนเดียวที่ตายจากอุบัติเหตุบนถนน แต่คนไทยต้องตายเพราะเหตุนี้ถึงปีละ ๒๐,๐๐๐ คน ๑๐ ปีก็ ๒๐๐,๐๐๐ คน มากกว่าที่ตายเพราะโควิด หรือตายในสงคราม ที่บาดเจ็บอีกปีละหลายแสนคน สะสมคนพิการให้เพิ่มขึ้นๆ ทุกปี เป็นการสูญเสียมหาศาลที่ต้องแก้ไขให้ได้

          มีความพยายามหลายอย่างในอดีตที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ผลจริงจังอันใด ที่ไม่ได้ผลเพราะ ขาดการขับเคลื่อนระบบนโยบายครบวงจร ทำเป็นบางส่วนหรือเป็นส่วนๆ ก็เหมือนวงจรไฟฟ้า ถ้าไม่ครบวงจรไฟก็เดินไม่ได้

 

 

          การขับเคลื่อนระบบนโยบายครบวงจรมีทั้งหมด ๑๒ ขั้นตอน ถ้าทำครบก็สำเร็จทุกเรื่อง ไม่ว่ายากอย่างไรก็สำเร็จ จึงเรียกวิธีการนี้ว่า สัมฤทธิศาสตร์ หรือศาสตร์แห่งความสำเร็จ (Delivery Science)

 

 

หน่วยงานต่างๆ ต่างทำงานเฉพาะส่วนของตนๆ ไม่ถนัดหรือมีทักษะในการขับเคลื่อนนโยบาย เรื่องดีๆ ที่มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อไปสู่หน่วยงานต่างๆ ที่ทำงานแบบแยกส่วน เรื่องดีๆ นั้นก็ไม่นำไปสู่ความสำเร็จ

ต้องมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ถนัดและมีทักษะในการขับเคลื่อน คำกุญแจ คือ “ขับเคลื่อน” เมื่อมีการขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ ที่อยู่แยกๆ กัน จึงจะเคลื่อนเข้ามาเชื่อมโยงกันครบวงจรได้ ถ้าไม่มีการขับเคลื่อน แม้มีนโยบาย แม้มีแผน ก็เป็นแผนนิ่ง คือ หน่วยงานต่างๆ ยังนิ่งอยู่กับที่ แยกๆ กันเหมือนเดิม เรื่องนั้นๆ ก็ไม่สำเร็จ

อย่างเรื่องนโยบายหลักประกันสุขภาพหรือบัตรทอง ที่สำเร็จเพราะมี หมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์และคณะเป็นผู้ขับเคลื่อน นโยบายควบคุมการบริโภคยาสูบที่สำเร็จ เพราะมีคุณหมอหทัย คุณหมอประกิต และคุณบังอร เป็นผู้ขับเคลื่อน

ฉะนั้น ทุกฝ่ายที่สนใจเรื่องการควบคุมการตายจากอุบัติเหตุบนถนน ควรทำความเข้าใจเรื่อง   “กลุ่มขับเคลื่อนนโยบาย” ให้ดีๆ ไม่ใช่สักแต่จะตั้งใครแล้วจะทำได้ คนอยากได้รับการแต่งตั้งมีมาก แต่คนที่ทำงานเป็นมีน้อย แต่งตั้งผิดคนก็ไม่สำเร็จ

 

 

ต้องเข้าใจหลักการคณะกรรมการอิสระ ที่ตั้งๆ กัน ในชื่อนี้มักไม่ใช่หลักการของคณะกรรมการอิสระ คือต้องหาตัวประธานที่มีปัญญาและบารมีให้ได้ แล้วให้ประธานเฟ้นหาตัวกรรมการที่เหมาะสมเอง โดยรัฐบาลไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องการสรรหาตัวกรรมการและวิธีทำงานของคณะกรรมการ ให้อิสระเต็มที่ โดยรัฐบาลให้ความสนับสนุนและความสะดวกในการทำงานทุกอย่าง คอยรับข้อเสนอแนะไปปฏิบัติ ควรออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการอิสระ

คณะกรรมการอิสระขับเคลื่อนนโยบายควบคุมอุบัติเหตุบนถนน ที่มีสมรรถนะสูงจะเชื่อมโยงการกระทำ ๑๑ ขั้นตอน เมื่อครบวงจร ไฟหรือผลสัมฤทธิ์ก็เกิดได้ ซึ่งในที่สุดจะลดการตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จากปีละ ๒๐,๐๐๐ คน ลงมาใกล้ศูนย์

คณะกรรมการอิสระขับเคลื่อนนโยบายนี่แหละคือ “หน่วยสัมฤทธิศาสตร์” (Delivery Unit)

 

 

ถ้ามีหน่วยสัมฤทธิศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายควบคุมอุบัติเหตุจราจรสำเร็จดังกล่าว คนทั้งปวงจะติดใจอยากให้ขับเคลื่อนนโยบายอื่นๆ ไปสู่ความสำเร็จอีก ประเทศไทยอาจมีประเด็นใหญ่ (Thailand Big Issues) ประมาณ ๒๐ – ๒๕ ประเด็น ถ้าปรึกษาหารือกัน ก็ไม่เป็นการยากที่จะร่วมกันกำหนดประเด็นใหญ่เหล่านั้น

ประเด็นใหญ่ ๒๐ – ๒๕ ประเด็นนั่นแหละ คือนโยบายสาธารณะ อย่างเช่น การขจัดความยากจนลดความเหลื่อมล้ำ เป็นประเด็นใหญ่อย่างหนึ่งแน่นอน หรือการปฏิรูประบบความยุติธรรม และการปฏิรูประบบพลังงาน ฯลฯ เป็นตัวอย่าง

สมมุติว่าได้ประเด็นนโยบาย ๒๕ ประเด็น ก็สื่อสารให้รู้ทั่วกันเพื่อให้เกิดความมุ่งมั่นร่วมกัน แล้วจัดตั้งกลุ่มสัมฤทธิศาสตร์ขึ้น ๒๕ กลุ่ม ทำการขับเคลื่อนนโยบายแต่ละอย่าง ไปสู่ความสำเร็จทั้ง ๒๕ นโยบาย ประเทศไทยหลุดจากสภาวะวิกฤติเรื้อรัง เกิดความเจริญรุ่งเรือง และคนไทยรักกันมาก จากการมีส่วนร่วมในความสำเร็จ

 

 

นโยบายเป็นเรื่องที่มีผลใหญ่ อย่างนโยบายบัตรทองทำให้คนจนทั้งประเทศได้รับประโยชน์อย่างใหญ่หลวง คุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยจึงได้รับความนิยมจากคนยากคนจนสืบมาช้านานจนกระทั่งบัดนี้ พรรคการเมืองจึงควรเลือกขับเคลื่อนนโยบายดีๆ ให้สำเร็จเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทำให้มีรัฐบาลที่มีสมรรถนะสูงอย่างรัฐบาลจีน แต่เป็นในระบอบประชาธิปไตย

พรรคการเมืองจะเป็นสถาบันพัฒนานโยบาย

นักการเมืองจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขับเคลื่อนนโยบาย

การเมืองจะลงตัว ไม่มีใครอยากทำปฏิวัติรัฐประหารอีกต่อไป บ้านเมืองลงตัวบนเส้นทาง “สันติปัญญาประชาธรรม”

 

______________________________________________________________

 

#เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่

#สสส

#ชุมชนเข้มแข็ง

#ลดเร็ว ลดเสี่ยง เลี่ยงตาย ชุมชนื้องถิ่นจัดการได้